เมนู “ค้างคาวเผือก” ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อค้างคาว เป็นแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นที่ดูเหมือนค้างคาว ฉะนั้นสามารถกินเพลินได้อย่างสบายใจ จะว่าไปเมนูนี้เป็นเมนูอาหารว่างโบราณที่แทบจะไม่เห็นกันแล้วในปัจจุบัน บางคนไม่รู้จัก หรืออาจไม่เคยเห็นมาก่อน
ว่าด้วยเรื่องอาหารการกิน เมนูค้างคาวเผือกนี้มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่เพิ่งมาได้รับความนิยมในช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 เนื่องด้วยเมนูนี้ถูกนำขึ้นเป็นหนึ่งในเครื่องเสวยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ในช่วงต้นสูตรเมนูขนมค้างคาวเป็นเมนูที่ทำจากวัตถุดิบล้วนๆ ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งแต่อย่างไร หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาสูตรผสมเผือกเข้ากับแป้งทำขนม จึงทำให้ขนมค้างคาว ได้ถูกเรียกขึ้นใหม่อีกชื่อหนึ่งว่า “ค้างคาวเผือก”นั่นเอง ถ้าพร้อมกันแล้วเตรียมเข้าครัวแล้วลงมือทำกันเลยค่ะ
วัตถุดิบ | จำนวน | หน่วยนับ |
---|---|---|
เผือก | 300 | กรัม |
แป้งข้าวเจ้า | 50 | กรัม |
แป้งสาลีอเนกประสงค์ | 100 | กรัม |
เนื้อกุ้งสับ | 200 | กรัม |
กะทิ | 50 | กรัม |
น้ำตาลมะพร้าว | 1 | ช้อนโต๊ะ |
มะพร้าวขาวขูด | 100 | กรัม |
หอมแดงสับละเอียด | 50 | กรัม |
ใบมะกรูดหั่นฝอย | 20 | กรัม |
เกลือป่น | 1 | ช้อนชา |
พริกไทยป่น | 1 | ช้อนชา |
น้ำมัน | 250 | มิลลิลิตร |
ขั้นตอนการทำเมนู ค้างคาวเผือก
อันดับแรกให้นำเผือกมาปอกเปลือกให้หมด แล้วนำไปล้างกับน้ำสะอาด จากนั้นให้หั่นเผือกออกให้เป็นทรงลูกเต๋า
จากนั้นนำเผือกใส่ลงบนซึ้ง นึ่งให้สุก เมื่อสุกดีแล้วก็บดเผือกต่อให้ละเอียด
ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์กับเผือกนึ่งบดละเอียดให้เข้ากัน ในระหว่างที่ผสมให้ค่อย ๆ เติมกะทิลงไปทีละน้อย เพื่อช่วยให้เนื้อของเผือกกับแป้งมีความเนียน ละเอียด จากนั้นให้นวดต่อไปจนรู้สึกว่ารวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้ใช้ผ้าขาวบางปิด พักไว้
นำหอมแดงลงไปผัดในกระทะ ปรับใช้ไฟปานกลาง ดูจนหอมแดงออกสีสวยแล้วให้ใส่เนื้อกุ้งตามลงไป ผัดต่อไปเรื่อย ๆ จนทั้งหมดสุก เข้ากันดี
ให้ใส่มะพร้าวขูดตามลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว พริกไทยป่น และเกลือป่น ผัดให้เครื่องปรุงกับวัตถุดิบทั้งหมดสุกและเข้ากัน เพิ่มความหอมและสีสันด้วยการโรยใบมะกรูดลงไปจะช่วยให้ได้กลิ่นที่หอมกลมกล่อมมากขึ้น
หลังจากที่ผัดไส้เรียบร้อยแล้ว ให้นำแป้งเผือกที่นวดพักไว้มารีดออกให้เป็นแผ่น จากนั้นตักไส้ที่ผัดวางลงไปตรงกลางแป้ง ใช้นิ้วค่อย ๆ จับจีบ หรือพับริมแป้งเข้าหากันให้ได้เป็นรูปสามเหลี่ยม ข้อควรระวังคือต้องพับให้แป้งปิดไส้จนสนิทและเรียบเนียนติดเป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อไม่ให้ตอนทอดไส้ทะลักออก
นำแป้งข้าวเจ้ากับกะทิมาละลายเข้าด้วยกัน พร้อมใส่เกลือป่นลงไปละลายให้เข้ากัน จับขนมค้างคาวเผือกที่จับจีบแล้วลงไปชุบให้แป้งค้างคาวชุ่มพอทั่ว ๆ
ตั้งกระทะเทน้ำมันลงไป รอจนน้ำมันร้อนจัดแล้ว ให้นำขนมค้างคาวลงไปทอด ค่อย ๆ พลิกให้ขนมออกเป็นสีเหลืองอ่อนทั้งอัน
หลังจากที่ทอดจนได้สีเหลืองอ่อนสวนแล้ว ให้ตักขึ้นมาพักไว้จนสะเด็ดน้ำมัน พร้อมจัดใส่จานให้สวยงาม
เสร็จเรียบร้อยกับเมนูค้างคาวเผือก เมนูของว่างโบราณแสนอร่อย ต้นตำรับจากชาววังแท้ ๆ ใครชอบรับประทานเปล่า ๆ หรือจะเพิ่มความกลอมกล่อมด้วยน้ำจิ้มอาจาดก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี จะทานกี่ที่ก็ไม่มีเบื่อ ยิ่งทานยิ่งฟิน นำไปทำเป็นเมนูไว้ทานเล่น ๆ หรือจะนำไปต่อยอดทำขายเป็นอาชีพเสริมก็รับรองว่าสร้างรายได้ ชนิดรวยไม่รู้ตัว แต่ที่สำคัญอย่าลืมตอนขั้นตอนการพับขอบ เพราะหากพับไม่ดีจะไม่ได้ค้างคาวกางปีกสวย ๆ นะเจ้าค่ะ
ขอบคุณที่มารูปภาพ : FoodTravelTVChannel , Wongnai
ชมวีดีโอสอนทำได้ที่ : Youtube ช่อง FoodTravelTVChannel
เรื่องที่เกี่ยวข้อง :